สำหรับใครที่เป็นคอเบียร์ตัวจริงจะต้องเคยบุกไปชิมยังแหล่งที่มี คราฟเบียร์ ทุกที่อย่างแน่นอน เพราะด้วยกรรมวิถีและการรังสรรค์จากผู้ผลิตรายเล็กทำออกมาได้รสชาติที่ไม่เหมือนเบียร์ทั่วไป ซึ่งความแตกต่างที่ว่ากันว่ามันคือเสน่ห์น่าลิ้มลอง จึงได้เกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ ๆ ในการดื่ม วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักเหมือนว่าได้ไปบุกถึงบาร์คราฟ เบียร์ด้วยตัวเอง ไปดูกันความน่าสนใจและความหมายคืออะไรกันแน่
ความหมายที่เข้าใจง่าย ๆ ของ คราฟเบียร์ คืออะไร รู้แล้วต้องอยากลอง
Craft Beer คือเบียร์ที่ถูกผู้ผลิตรายเล็กเป็นผู้รังสรรค์ ซึ่งจะมีรสชาติที่แตกต่างและหลากหลายเพราะมีอิสระในการผลิต เมื่อเปรียบเทียบกับเบียร์ทั่วไปจะใช้วิธีดั้งเดิมและต้องบอกเลยว่าสำหรับคราฟเบียร์แล้ว ทุกขั้นตอนทำด้วยมือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การหมักบ่ม บรรจุลงขวดและส่งจำหน่าย เรียกง่าย ๆ คือเป็นเบียร์โฮมเมดนั้นเอง จึงทำให้เบียร์ชนิดนี้มีเสน่ห์อย่างมากและเป็นที่ต้องการ
ไม่ใช่ว่าเบียร์ทุกยี่ห้อที่ผลิตขึ้นเองจะเป็นคราฟเบียร์ทั้งหมด เพราะหากลองสังเกตในวัฒนธรรมอเมริกามีการต้มดื่มเองที่บ้านหรือหากมีโอกาสพิเศษจะนำออกมาดื่มฉลอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะเรียกว่า Homebrew แต่สำหรับคราฟต์เบียร์คือจะต้องผลิตมาจากโรงเบียร์ขนาดเล็กที่มีปริมาณจำกัด สามารถนำไปวางจำหน่าย สำหรับ คราฟเบียร์ แนะนํา ต้องผลิตไม่เกินปริมาณ 7 ร้อยล้านลิตรต่อปีนั้นอง
นอกจากนี้เพื่อให้คุณได้รู้จัก Craft Beer มากขึ้นเราจะพาคุณไปดูคุณสมบัติทั้ง 3 อย่าง โดยเป็นข้อมูลที่มีการกำหนดโดย Brewers Association) ่ง ะเป ดังนี้
- สถานที่ผลิตอย่างโรงเบียร์จะต้องมีขนาดเล็กและต้องมีกำลังการผลิตไม่เกิน 6 ล้านบาร์เรล ต่อปีหรือไม่ควรเกินประมาณ 700 ล้านลิตร
- เจ้าของจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่า 75% (Independent)
- วัตถุดิบสำคัญทั้งหมดที่ใช้จะต้องมาจากธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งจะมีห้ามใส่ในเรื่องของการใส่วัตถุดิบสังเคราะห์กลิ่นหรือรส แต่ถ้าหากจะต้องเป็นการใส่เพื่อให้มีกลิ่นและรสชาติดีขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าจากข้อจำกัดในเรื่องของการผลิตคราฟต์เบียร์และด้วยอิสระในการผลิต ฉะนั้นในเรื่องของการทำจะต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ จึงทำให้เบียร์ลักษณะผู้ดื่มได้สัมผัสแท้ ๆ นี้ถือเป็นเสน่ห์ของการโฮมเมด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าคราฟเบียร์เป็นที่ต้องการ เพราะด้วยรสชาติไม่เหมือนเบียร์ทั่วไปนั้นเอง
ไขข้อสงสัยความแตกต่างระหว่าง Craft Beer กับเบียร์สด
ความแตกต่างของทั้งสองคือกรรมวิธีในการผลิตสำหรับเบียร์สดคือคุณจะได้ดื่มจากถังหมักแบบสด ๆ เลย ส่วนคราฟเบียร์ (craft Beer) คือเบียร์ที่ทำขึ้นมาเอง ซึ่งบรรจุใส่ขวดจำหน่ายออกไป แต่สิ่งที่ทำให้คราฟเบียร์ได้รับความนิยมก็คือ รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใส่ใจโดยผู้ผลิตทำให้คุณได้สัมผัสเบียร์ที่มีคุณภาพนั้นเองและในวันนี้เพื่อเป็นการเอาใจคนที่ชื่นชอบการดื่มคราฟเบียร์ไปดูส่วนประกอบหลัก ดังนี้
- ยีสต์ (Yeast) เป็นวัตถุดิบหลักทำให้เกิดแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ได้แก่
- Top Ferment Ale Yeast ถือเป็นยีสต์ผิวหน้าของน้ำเบียร์นั้นเอง
- Bottom Ferment – Lager Yeast เป็นยีสต์ตัวที่อยู่ด้านล่าง
- ฮ็อปส์ (Hops) เป็นพืชชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยถนอมอาหาร ซึ่งจะใช้แค่ดอกเท่านั้นในการหมัก เพื่อทำใมห้ได้ทั้งกลิ่นหอมและรสขม
- มอลต์ (Malt) เป็นวุตถุดิบที่ใช้ในการหมักเบียร์ เมล็ดส่งผลต่อสีและรสชาติของเบียร์ โดยตรง
- น้ำ (Water) ถือเป็นส่วนประกอบ 95% ซึ่งทำให้รสชาติและมีแร่ธาตุต่างกัน
8 ประเภทรสชาติคราฟต์เบียร์ฮอตฮิตในประเทศไทย
แม้ว่าคราฟเบียร์ จะผลิตด้วยฝีมืออันพิถีพิถันและจำกัดจำนวน แต่คุณก็สามารถเลือกรสชาติได้ โดยในวันนี้เราได้รวมประเภทรสชาติมาให้คุณได้ลองศึกษาก่อนว่าแต่ละประเภทนั้นเป็นอย่างไร ดังนี้
1. “Lager” หากใครชื่นชอบคราฟต์เบียร์ที่มีรสชาตินุ่มลิ้น Lager หรือที่อ่านว่า ลาเกอร์)สชาติบ็นน้ำยร์ (กเบียร ซึ่งเป็นคราฟต์เบียร์ ยีสต์ที่อยู่ด้านล่างของถังหมักเบียร์ (Bottom Ferment) ซึ่งอุณหภูมิที่ทำการหมักจะต้องเย็นกว่าปกติ มีสีที่ใส ทานแล้วสดชื่น ให้รสชาติขม
2. คราฟต์เบียร์ที่มีรสหวานอ่อน ๆ ผสานด้วยกลิ่นหอมจากฮ็อปส์และมอลต์ โดนในสายบอดี้บางอย่าง “Pilsner” Pilsner แน่นอน
3. คราฟต์เบียร์สไตล์เบียร์เบลเยี่ยมได้รับความนิยมอย่างมากและถูกปากคนไทยที่สุดสำหรับ “Witbier” สายกลิ่น Citrus ต้องไม่พลาด กระดกให้ลืมความเหนื่อยกันไปเลย
4. “Hefeweizen” คราฟต์เบียร์ยอดฮิต ถูกปากคนไทย Hefeweizen เป็นสไตล์เยอรมัน ดื่มง่าย แถมถูกปากคนไทยเป็นที่สุด ด้วยกลิ่นฮ็อปส์จาง ๆ และหมักแบบเข้มด้วยยีสต์ อีกทั้งมีกลิ่นผลไม้อย่างกล้วยหรือแอปเปิลมาเพิ่มอรรรสใหม่ ๆ เรียกว่าตรงนี้แหละที่ทำให้คราฟเบียร์ได้รับความนิยม เพราะเถือเป็นเอกลักษณ์และอิสระในการรังสรรค์
5.ใครที่อยากลองเข้ามาเป็นสายคราฟต์เบียร์จะต้องไม่พลาดกับ “Pale Ale” รสชาติหอมหวานดื่มง่าย ตัวเบียร์มีสีเหลืองทอง จุดเด่นคือรสชาติของฮ็อปส์ ผสมรวมกับกลิ่น Citrus จาง ๆ ได้รสชาติอ่อนละมุน
6. ใครที่เป็นสายฮาร์ดคอดื่มเบียร์เน้นเมาจะต้องลอง “IPA” คราฟต์เบียร์ยอดฮิต เพราะมีปริมาณฮ็อปส์และยีสต์สูงขึ้นและสีสันที่ไม่เหมือนใครสีส้มออกไปทางทองแดง ด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นส่งผลให้มีกลิ่นที่ชัดเจน
7. “IPA” ที่ว่าเข้มข้นแล้วก็ไม่สู้ “Double IPA” อีกขั้นของคราฟต์เบียร์ความเข้มข้น 2 เท่า ด้วยความที่ส่วนผสมอย่างฮ็อปส์ถูกใส่ให้เพิ่มขึ้นและหมักยีสต์นานขึ้น 2 เท่า ทำให้แอลกอฮอล์มีปริมาณที่สูง รวมไปถึงกลิ่นและบอดี้แน่นเพิ่มเป็น 2 เท่าเช่นกัน
8.ถือเป็นประเภทสุดท้ายที่มีความโดดเด่นทั้งสีสันสีดำเข้มและรสชาตินั้นคือ “Stout Beer” คราฟต์เบียร์สีดำ แต่รสชาติมีความนุ่มลึก โดยวัตถุดิบคือข้าวบาร์ที่ถูกอบจนเกือบไหม้แล้วน้ำมาหมักผสมเข้ากับมอลต์ ซึ่งในเรื่องของปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงมากนัก แต่รสชาติมีความครีมมี่ สัมผัสนุ่มและต้องบอกเลยว่ามีคล้ายรสชาติของโกโก้ กาแฟ วานิลลา แบบนี้สายคราฟเบียร์ทั้งหลายต้องไม่พลาด
ตัวจริงเรื่อง คราฟเบียร์ แนะนำยี่ห้อที่ควรลอง
- Mahanakorn White | Ale
- Full Moon Brewworks (Chalawan | Pale Ale)
- The Brewing Project (Whale | Pale Ale)
- Udomsuk Brewing
- Golden Coins
- Stone Head
- Triple Pearl
- Sandport
- Devanom
- Chiang Mai Beer
ในวันนี้คอเบียร์ทั้งหลายคงได้รู้แล้วว่า คราฟต์เบียร์ คือ อะไร ของจริงต้องผลิตที่โรงงานขนาดเล็กและทำด้วยมือทุกขั้นตอน จึงจะได้รสชาติที่ไม่เหมือนใครและจากประเภทคุณคงเห็นแล้วว่าเรื่องรสชาติของคราฟเบียร์นั้นมีจุดเด่นอย่างมาก รวมไปถึงกลิ่นหลากหลายเพิ่มอรรถสในการรับรส แบบนี้ใครเป็นคอเบียร์ทั่วไปเมื่อได้มาลองจะต้องติดใจและอาจเปลี่ยนมาเป็นสายคราฟเบียร์ก็ได้ Ufabet เว็บหลัก